ตอนที่ 5...ปีศาจหน้าดำ

ตอนที่ 5...ปีศาจหน้าดำ..

ขณะนั้น พ่อมดเจ้าของกระท่อมกำลังนั่งอยู่ข้างใน พออำมาตย์เทพไทไปเคาะประตู ก็ ร้องถามขึ้นว่า

       " ใครนะ ? "

       " ข้าเองแหละ ข้าหลงทางมา พอดีมาพบกระท่อมของท่าน จึงอยากจะขอพักสักครู่ "

       " มาด้วยกันกี่คน " พ่อมดซักต่อไป

        " ข้ามาคนเดียว กรุณาข้าด้วยเถอะ "

       " ทำไมข้าจะไม่สงสาร ? " พ่อมดพูดพลางหัวเราะเยาะ " แก เหนื่อยหลงทางมาก็ยืนอยู่ที่ประตูนั่นก็แล้วกัน เฝ้าอยู่นั่นแหละ ไม่ต้องไปไหนอีก ฮะ ฮะ " พอสิ้น เสียงของพ่อมด ร่างของอำมาตย์ก็กลายเป็นหินยืนอยู่ที่หน้าประตูทันทีทันใด และแล้วพ่อมดใจร้าย ก็ผลักประตูกระท่อมออกมา อุ้มร่างที่กลายเป็นหินของอำมาตย์ เข้าไปไว้ในกระท่อม

       ฝ่ายธนญชัยยืนคอยอำมาตย์อยู่เป็นเวลานาน ยังไม่เห็นกลับมา สักที ก็ให้แปลกใจเป็นกำลัง ครั้นจะติดตามไปเสียเดี๋ยวนี้นั้น ก็เกรงว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นจริง ๆ เขาเองอาจจะหนีไม่พ้น จึงเลือกหาต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งปีนขึ้นไปนอนบนคาคบ เพื่อตรองหาอุบาย แก้ไข พอดีขณะที่เขาป่ายปีนขึ้นไปนั่งบนคาคบไม้นั้น เขาก็สามารถมองเห็นตัวพ่อมดซึ่งโผล่ออก มา ยกเอาร่างที่กลายเป็นหินของอำมาตย์เข้าไปในกระท่อม แม้ว่าระยะทางจะไกลอยู่สักหน่อยเขา ก็พอจะเดาได้ จากเครื่องแต่งกายและร่างที่แข็งทื่อดังหินที่พ่อมดยกเข้าไปในกระท่อมว่า เป็นใครไป ไม่ได้ นอกจากอำมาตย์เทพไท นั่นเอง...

      คืนนั้นทั้งคืน ธนญชัยตรองหาอุบายที่จะแก้เผ็ดพ่อมดให้สม กับความหฤโหดของมันให้จงได้ จนกระทั่งรุ่งเช้า จึงลงจากต้นไม้และเริ่มดำเนินการตามแผนที่คิดไว้ ทันที

       ขั้นแรก...เขาเดินกลับออกมานอกป่า เพื่อหาพังพอนสักตัวหนึ่ง แต่ก็ไม่ทราบจะไปหาที่ไหน ตามป่าแถบนั้นปรากฏว่าไม่มีพังพอนเลยสักตัว พอดีหลังจากเดินพ้น ป่ามาหน่อยเดียว เขาก็พบพรานป่าคนหนึ่งผูกพังพอนมัดติดกับหาบฟืนมา ธนญชัยดีใจออกปาก ขอซื้อพังพอนตัวนั้นทันที

       " ท่านจะเอาไปทำไมนะ พังพอน ? " พรานป่าผู้นั้นถามธนญชัย " ข้าเคยจับไปขายในเมือง ไม่เห็นมีใครซื้อสักที "

       " ข้ามีกิจธุระอย่างหนึ่งที่จะต้องใช้พังพอน " เขาบอกเป็นเชิงปิดบัง "อย่าให้ข้าบอกท่านเลยนะ ขอเพียงแต่ขอซื้อจากท่านเท่านั้น "

       คำพูดของธนญชัยยิ่งชวนให้พรานป่าสงสัย อยากรู้เป็นอย่างยิ่ง " บอกให้ข้ารู้ด้วยไม่ได้หรือท่าน ? เพราะหากเป็นเรื่องทุกข์ร้อนบางทีข้าอาจช่วยท่านได้ "

       ธนญชัยนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เป็นเชิงตริตรอง แล้วจึงกล่าวขึ้นด้วยเสียง เศร้าว่า " อำมาตย์ผู้น่าสงสารคนหนึ่ง ร่วมเดินทางมากับข้าแต่บังเอิญพอเข้ามาถึงป่านี้ ถูกพ่อมดสาป กลายเป็นหิน ท่านคงรู้จักพ่อมดตัวนี้ดีมิใช่หรือ ? "

       " โอ ! รู้จักดีทีเดียว " พรานป่ารีบตอบทันที " พ่อมดตัวนี้ใคร ๆ ก็รู้ว่า แกมีนิสัยโหดร้ายยิ่งกว่าสัตว์ป่าเสียอีก เที่ยวสาปคนไม่เลือกหน้า ทุกคนได้รับความเดือด ร้อนทุกถ้วนหน้าลำบากยากเข็ญมานานแล้ว "

       ธนญชัยได้ยินพรานป่าพูดเช่นนั้นก็ดีใจ จึงชวนขึ้นว่า " เผื่อว่าข้า จะขอความร่วมมือจากท่าน ในการช่วยสังหารพ่อมดตนนี้ ท่านจะยินดีร่วมมือกับข้าหรือเปล่า ? "

       " ยินดีทีเดียวท่าน " พรานป่าตกลงอย่างรวดเร็ว " ว่าแต่ข้าพเจ้า ยังสงสัยเหลือเกินว่า ท่านจะนำเอาพังพอนไปปราบพ่อมดได้อย่างไร ? "

      " ข้าวางแผนไว้อย่างหนึ่ง " ธนญชัยตอบ " เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เราไปด้วยกัน ท่านแอบอยู่ข้างล่าง ข้าจะเข้าไปในกระท่อมหลอกพ่อมดเอง หน้าที่ของท่านก็คือคอย จังหวะปล่อยพังพอนออกไป เมื่อข้าเคาะพื้นกระท่อมให้สัญญาณ...แค่นี้ท่านคงเข้าใจดีมิใช่หรือ ? "

       พรานป่าได้ยินดังนั้น ก็รับรองขึ้นว่า " ข้าพอจะเข้าใจในแผน การท่านบ้างแล้ว เอาเถอะข้าจะปฏิบัติให้เป็นตามท่านสั่งทุกอย่าง คราวนี้พ่อมดคงจะไม่มีโอกาสก่อ กรรมทำเข็ญคนอื่นต่อไปแน่ ๆ " 



        ครั้นแล้ว ทั้งสองก็เดินทางเข้าไปในป่าอันเป็นที่อาศัยของพ่อมด เพื่อปฏิบัติการตามแผนต่อไป ระหว่างทางจากที่นั้นไปถึงกระท่อมพ่อมดไกลพอดูเหมือนกัน กว่าทั้ง สองจะมาถึงก็เกือบจะมืดค่ำแล้ว แต่มันตรงกับเวลาที่ธนญชัยกะการไว้พอดี " ท่านเข้าไปก่อน ไปแอบ อยู่ที่ใต้ถุนกระท่อมก็แล้วกัน " ธนญชัยบอกกับพรานป่า " คอยดูข้า เมื่อใดข้าให้สัญญาณแล้ว ท่านรีบ ปล่อยพังพอนขึ้นไปเลยนะ "

       พรานป่าพยักหน้ารับคำ แล้วออกเดินทางล่วงหน้าไปก่อนธนญชัย ครั้นถึงก็หาที่ซึ่งมีช่องสามารถจะปล่อยพังพอนให้พุ่งขึ้นไปยังพ่อมดได้ทันที ให้รวดเร็วสมกับความต้อง การ และหน้าที่อีกอย่างหนึ่งของเขาก็คือระมัดระวังมิให้พ่อมดเห็น มิฉะนั้น ก็จะถูกพ่อมดปากพล่อย สาปเอาง่าย ๆ

       ฝ่ายธนญชัยจัดการแต่งตัวเสียใหม่ โดยใช้ผ้าขาวผืนใหญ่ที่มีติดตัว มาห่มคลุมร่าง และรวบผมขึ้นไปเกล้าเป็นมวยราวกับนักพรตผู้ทรงวิทยาคุณแล้ว ก็ตรงไปยังกระท่อม พ่อมด แล้วเคาะประตูพร้อมกับพูดขึ้นว่า " ท่านที่ข้านับถือ นั่นท่านอยู่หรือเปล่าว ? "

       พ่อมดได้ยินเสียงร้องเรียกเช่นนั้น ก็แปลกใจด้วยไม่เคยได้ยินเสียง เช่นนี้มาก่อน จึงร้องถามไปว่า " ท่านเป็นใคร "

       " โอ ! นี่ท่านคงจะจำข้าที่เคยมาหาท่าน เมื่อสามเดือนก่อนไม่ได้ เสียแล้ว " นักพรตปลอมว่า " ไม่เป็นไรหรอกหากท่านจำไม่ได้ ก็เปิดประตูออกมาดูก็แล้วกัน "

       พ่อมดยิ่งสงสัยเป็นกำลัง จึงเปิดประตูออกไปดู เห็นร่างนักพรต ยืนอยู่หน้ากระท่อม ท่าทางเป็นผู้ทรงความรู้อย่างยิ่ง

       " ท่านคงนึกออกแล้วมิใช่หรือ ? " นักพรตปลอมชิงถามขึ้นก่อนที่อีก ฝ่ายจะพูดอะไร " ข้าเป็นนักบวชอยู่ที่ป่าหิมพานต์ เคยมาคุยกับท่านเมื่อสามเดือนก่อน รู้สึกเลื่อมใส ในอิทธิฤทธิ์อันยิ่งใหญ่ หาผู้ใดเสอมเหมือนมิได้ของท่าน วันนี้อยากมาชมอิทธิฤทธิ์อันยิ่งใหญ่ของท่าน นั้นอีก "

       โดนจุดนี้เข้า พ่อมดก็ยิ้มแก้มแทบปริ กล่าวตอบด้วยเสียงใสว่า " ขอเชิญเถอะ ท่านนักบวช ข้ายินดีเสนอให้ท่านชม...ทุกอย่าง ในโลกนี้ไม่มีใครจะมีฤทธิ์เลิศล้ำเกิน ข้าได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า "

       กล่าวจบ ก็รีบเชิญนักบวชเข้าไปภายในกระท่อม ธนญชัยพยา ยามหามุมนั่งให้ใกล้กับช่องที่พรานป่าคอยดักและแอบอยู่ เพื่อจะได้ประสานงานกันรวดเร็วทันท่วงที

       " ท่านอยากดูแบบไหนละก็ บอกข้ามาเถอะ " พ่อมดรีบพูดทันที " ข้าแสดงให้ท่านดูได้ทุกอย่าง "

       " ข้าอยากจะชมการแปลงกาย ด้วยเวทมนต์ของท่าน " ธนญชัย บอก " ท่านคงยินดีมิใช่หรือ ถ้าท่านแปลงกายเป็นนก "

       พ่อมดหัวเราะก้อง พลางตอบว่า " เรื่องนิดเดียวเท่านั้นเอง เอา ละ ข้าจะแปลงให้ท่านดูตามประสงค์เดี๋ยวนี้ " ว่าแล้วพ่อมดก็ร่ายมนต์ เพียงชั่วพริบตาเดียวร่างอัน น่าเกลียดน่ากลัวของแกก็กลายเป็นนกแก้วตัวสีเขียวปากแดงสวยงาม บินไปเกาะบนแคร่ไม้ไผ่ภาย ในกระท่อม

       ธนญชัยทำเป็นหัวเราะชอบใจ และกล่าวชมเชยพ่อมดเป็นการใหญ่ ว่า " แหม ! ท่านช่างเก่งเหลือเกิน มิเสียแรงที่ข้าอุตส่าห์ดั้นด้นมา "

       " แล้วท่านอยากจะดูอะไรอีกล่ะ ? " พ่อมดถามต่อไปด้วยความ กระหายอยากจะแสดงความเก่งกาจของตนให้ยิ่งขึ้นไปอีก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น